Medina recent comments:

Subhan Allah....

ท่านศาสดากล่าวใว้ ถ้าใครอาบนำ้ละหมาดที่บ้านพัก และเดินทางมาละหมาดที่ มัสยิดแห่งนี้ 2 รอกาอัต จะได้ผลบุญเท่ากับทำอุมเราะฮ์ ครั้งหนึ่ง แซะฮ์บอก

ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และท่านอบูบักรได้เดินทางออกจากถ้ำซูรรฺ โดยการนำ ทางของอับดุลลอฮฺบินอุรอยกิฏฺ ซึ่งเขาเป็นผู้ชำนาญทางและเป็นคนซื่อสัตย์ ในระหว่างการเดินทางพวกเขาได้พบกับ ซุรอเกาะฮฺบินมาลิก ซึ่งเขาต้องการที่จะได้รับรางวัลเป็นอย่างยิ่ง หลังจากที่พยายามมาตลอดทั้งวัน พวกเขาได้เดินทางเรื่อยมาจนกระทั่งถึงตำบลกุบาอฺ ในวันจันทร์ที่ 12 ตรงกับเดือนร่อบิอุลเอาวัล และท่านได้พำนักอยู่ที่ตำบลกุบาอฺ ณ บ้านของบนีอัมรฺบินเอาฟฺ และอยู่ที่กุบาอฺเป็นเวลา 14 วันในระหว่างนั้นท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้สร้างมัสยิด กุบาอฺขึ้น ซึ่งเป็นมัสยิดที่ถูกสร้างขึ้นหลังแรกในอิสลาม ดังที่อัลลอฮฺทรงตรัสในซูเราะฮฺอัตเตาบะฮฺ อายะฮฺที่ 108 ว่า لاَ تَقمْ فِيهِ أَبَداً لَّمَسْجِدٌ أسِّسَ عَلَى التَّقْوَى مِنْ أَوَّلِيَوْمٍ أَحَقّ أَن تَقومَ فِيهِ فِيهِ رِجَالٌ يحِبّونَ أَن يَتَطَهَّرواْوَاللّه يحِبّ الْمطَّهِّرِينَ ความว่า: "มัสยิดซึ่งถูกสร้างขึ้นบนความยำเกรงจากวันแรก สมควรที่สูเจ้าทำการละหมาดในมัสยิดนี้ ในนั้นมีชนซึ่งมีความรักในการทำความสะอาด และอัลลอฮฺทรงรักบรรดาผู้ทำความสะอาด" รายงานจากท่านซะฮฺล บิน หุนัยฟฺ ว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า : "ผู้ใดที่อาบน้ำละหมาดจากบ้านของเขา แล้วเขาได้ไปยังมัสยิดกุบาอฺ แล้วทำการละหมาด เขาจะได้รับผลบุญ เท่ากับการทำอุมเราะฮฺหนึ่งครั้ง" บันทึกโดย อิบนุมาญะฮฺ หลังจากนั้นท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และเพื่อนของท่านได้เดินทางถึงเมืองอัลมะดีนะฮฺ และทุกๆครั้งที่ผ่านบรรดาบ้านของชาวอัลอันศอร พวกเขาจะเชื้อเชิญให้ท่านพำนัก อยู่กับพวกเขา ท่านจึงกล่าวว่า ปล่อยให้เป็นเรื่องของอูฐมัน มันถูกสั่งใช้มาแล้ว จนกระทั่งอูฐได้มาคุกเข่าหยุดอยู่ในที่ๆเป็นมัสยิดในปัจจุบัน และท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้พำนักอยู่กับอบูอัยยูบอัลอันศอรียฺ เป็นเวลา 7 เดือน จนกระทั่งสร้างมัสยิด และห้องนอนของบรรดาอุมมุลมุอฺมินีนแล้วเสร็จ และนี่ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการสร้างมัสยิดในอัลอิสลาม เพราะท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้เริ่มด้วยกับการสร้างมัสยิดเป็นสิ่งแรก ไม่ว่าจะเป็นที่กุบาอฺ หรือที่อัลมะดีนะฮฺก็ตามทีเพราะมันคือสถานที่ชุมนุมของมุสลิม และเป็นโรงเรียนแห่งแรกในอัลอิสลาม และจะยังคงเป็นเช่นนั้นตลอดไปจนกระทั่ง อัลลอฮฺทรงรับเอาโลกใบนี้ และสิ่งที่อยู่บนมันกลับไป

เมื่อสงครามกุเรชประสบกับความปราชัยในสงครามบัดรฺจึงทำให้ไม่มีความปลอดภัยในการเดินทางไปค้าขายยังประเทศชาม ทำให้เศรษฐกิจของชาวกุเรช มักกะฮฺประสบความชะงักงัน รายได้ลดต่ำอย่างหน้าวิตก บรรดาผู้นำในเผ่ากุเรชจึงได้จัดประชุมกับอบูซุฟยาน ณ ดารุลนัดวะฮฺ โดยกล่าวว่า มุฮัมมัดได้ฆ่าพวกเรา เราพอใจที่จะสละผลกำไรในทรัพย์สินของเรา เพื่อเป็นกองทัพเพื่อทำสงครามกับมุฮัมมัดหรือไม่? พวกเขารวบรวมทรัพย์สินได้ 50000 ดีนาร และรวบรวมกำลังทหารได้จำนวน 3000 คน โดยมีพันธมิตรของพวกกุเรชจากเอธิโอเปีย ตระกูลมุสฎอลิก ฯลฯ รวมอยู่ด้วย และยกกองทัพมุ่งหน้าไปเมืองมะดีนะฮฺโดยตั้งค่ายอยู่ท้องทุ่งด้านเหนือของเมืองมะดีนะฮฺใกล้กับภูเขาอุฮุด เมื่อท่านร่อซูลได้เห็นข้าศึกมาตั้งค่ายอยู่ใกล้กับกำแพงเมืองมะดีนะฮฺ ท่านจึงได้ปรึกษากับบรรดาซ่อฮาบะฮฺ บางคนมีความเห็นว่า ควรจะอยู่ภายในเมืองเพื่อป้องกันเมืองไว้ บางคนมีความเห็นว่า ควรจะออกไปทำสงครามกับข้าศึกภายนอกเมือง จนกระทั่งถึงวันศุกร์ เมื่อได้ละหมาดญุมอะฮฺเรียบร้อยแล้ว ท่านจึงได้สวมเสื้อเกราะเพื่อเตรียมทำสงคราม บรรดามุสลิมจึงรู้ว่าท่านนบีจะออกไปทำสงคราม จึงได้ตระเตรียมสัมภาระเพื่อออกไปทำสงครามร่วมกับท่าน จำนวนมุสลิมมีทั้งหมด 1000 คน เมื่อท่านนบีนำบรรดามุสลิมเดินออกไปนอกเมืองมะดีนะฮฺ อับดุลลอฮฺ อิบนิ อุบัย อิบนิซะลูน หัวหน้าของพวกมุนาฟิกีนก็ได้นำพวกมุนาฟิกจำนวน 300 คน เดินทางกลับเข้าเมืองมะดีนะฮฺ อัลลอฮจึงได้เปิดเผยถึงท่าทีของพวกมุนาฟิก ท่านนบีมุฮัมมัดยังคงนำกำลังมุสลิมเดินทางต่อไป จนกระทั่งล่วงถึงยามค่ำคืนจึงไปถึงหุบเขาอุฮุด บรรดามุสลิมจึงตั้งค่ายโดยให้ภูเขาอุฮุดอยู่เบื้องหลัง พอรุ่งเช้า ท่านนบีจึงแบ่งกำลังทหารมุสลิมออกเป็นสองกองๆหนึ่งเป็นกองจู่โจม ซึ่งประกอบด้วยกำลังทหารจำนวนมาก อีกกองหนึ่งคือทหารแม่นธนู ท่านนบีให้พวกเขาประจำอยู่บนภูเขา และได้กำชับพวกเขาว่า "ท่านทั้งหลายจงอย่าละทิ้งที่มั่นอย่างเด็ดขาด ไม่ว่าทหารมุสลิมจะแพ้หรือชนะก็ตาม" สงครามได้เริ่มขึ้นด้วยการต่อสู้กันตัวต่อตัวระหว่างมุสลิมกับพวกกุเรช และติดตามด้วยการตะลุมบอนระหว่าง 2 ฝ่าย จนพวกกุเรชเกิดเพลี่ยงพล้ำ จึงได้ล่าถอย ท่านนบีจึงให้บรรดามุสลิมรักษาที่มั่นเอาไว้ไม่ให้รุกคืบหน้า เพราะเกรงว่าพวกกุเรชจะใช้กลอุบายในการล่าถอย แต่พลธนูที่อยู่บนภูเขาฝ่าฝืนคำสั่งของท่านนบี โดยลงมาเก็บทรัพย์สินต่างๆ ที่พวกกุเรชละทิ้งไว้ มีเพียงไม่กี่คนที่ยังคงประจำอยู่บนภูเขา เมื่อคอลิด อิบนุลวะลีดเห็นเช่นนั้น จึงรวบรวมกำลังทหารของพวกกุเรชที่แตกพ่ายไป โอบทางหลังภูเขา แล้วบุกโจมตีกำลังทหารของมุสลิม อย่างฉับพลัน ทหารมุสลิมไม่ทันระวังตัวจึงถูกฆ่าตายจำนวนมาก ขณะเดียวกันก็มีข่าวลือว่าท่านนบีเสียชีวิตแล้ว ความระส่ำระส่ายจึงเกิดในกำลังทหารมุสลิม ต่อมาก็มีข่าวว่าท่านนบียังไม่ตาย บรรดามุสลิมก็ผนึกกำลังเข้าสู้รบอย่างเข้มแข็งอีกครั้งหนึ่ง บรรดาซอฮาบะฮฺได้ยืนหยัดปกป้องท่านนบีที่สำคัญคือ ท่านอบูบักร ท่านอุมัร ท่านอาลี อุบัย อิบนุค่อลัฟ ต้องการเข้ามาฆ่าท่าน ท่านจึงเอาหอกสั้นแทงเขา ทำให้เขาเสียชีวิตลงทันที นี่เป็นการสังหารชีวิตครั้งแรกของท่านนบี และไม่ปรากฏว่าท่านได้ฆ่าผู้ใดอีกตลอดชีวิตของท่าน ในการสู้รบครั้งนี้ท่านนบีได้ตกลงไปในหลุมพราง ทำให้หัวเข่าของท่านทั้งสองข้างได้รับบาดเจ็บ ท่านถึงกับเป็นลมไปชั่วขณะ อุกบะฮฺ อิบนุอบีวักก้อส และอิบนุกุมนะฮฺ ซึ่งเป็นทหารของกุเรชได้ใช้ก้อนหินขว้างท่านจนทำให้ฟันหน้าของท่านหัก โหนกแก้มของท่านแตก ริมฝีปากของท่านแตก บรรดาซ่อฮาบะฮฺได้รับบาดเจ็บหลายคน และเสียชีวิตทั้งหมด 70 คน โดยที่ท่านฮัมซะฮฺ อิบนุ อับดุลมุฏฏอลิบ ลุงของท่านรวมอยู่ด้วย พวกกุเรช ถูกฆ่าตาย 23 คน พวกกุเรชทำได้ทำการประจานศพมุสลิมอย่างน่าเกลียด ท่านฮัมซะฮฺได้ถูกชายคนหนึ่งชื่อวะฮฺชียฺฆ่าตาย นางฮินดฺภรรยาของอบูซุฟยานได้แหวะท้องของฮัมซะฮฺ แล้วเอาตับของเขามาเคี้ยวแล้วคายทิ้ง เมื่อสงครามสงบลงอบูซุฟยานได้ตะโกนว่า "สงครามครั้งนี้เป็นการล้างแค้นในสงครามบัดรฺ" ท่านนบีจึงให้ท่านอุมัรตอบโต้ไปว่า "อัลลอฮฺผู้ทรงสูงส่ง ไม่มีความเท่าเทียมกันหรอกระหว่างผู้เสียชีวิตในพวกท่าน และผู้เสียชีวิตในพวกเรา ผู้เสียชีวิตในพวกเราจะได้เข้าสวรรค์และผู้เสียชีวิตในพวกท่านจะได้เข้านรก " แม้พวกกุเรชจะได้เปรียบในสงครามครั้งนี้ แต่พวกเขาก็รีบเร่งเดินทางกลับเมืองมักกะฮฺโดยเกรงว่าบรรดามุสลิมจะบุกเข้าจู่โจมระลอกสอง ท่านนบีมีความเสียใจอย่างยิ่ง ถึงการเสียชีวิตของท่านฮัมซะฮฺ ท่านได้ใช้ให้ฝังศพของผู้ที่เสียชีวิตทุกคนด้วยเสื้อผ้าที่ท่านสวมใส่ โดยฝังหลุมละ 2 – 3 คน เนื่องจากบรรดามุสลิมมีความเหน็ดเหนื่อยในการสู้รบ จึงไม่อาจจะขุดหลุมเพื่อฝังแต่ละคนได้ เมื่อบรรดามุสลิมกลับไปถึงเมืองมะดีนะฮฺ พวกยิวและพวกมุนาฟิกจึงแสดงการเย้ยหยัน เนื่องจากมีความเกลียดชังต่อบรรดามุสลิม พวกเขาได้พูดคุยกัน

أنا سكنت في الفندق خلال شوال 1432 وللأسف وجدت حشرة البق وأخبرت إدارة الفندق ولكنها لم تحرك ساكناً

http://www.taibanet.com/showthread.php?t=12223

اللهم ارزقنى صلاة فى روضة رسولك الشريفة

apa benar ya?

اللهم صل علی محمد و آل محمد

i like masjed al nabavi and the baghi holy shrine.

i qatamul ambiya aap par sare ummathe k tharaf se karodo salam

not cheap

I stayed in this hotel in 2001 july - August top hotel very close to Al HARAM just dont stay on the 12th floor. I had to change floors Very noisy Air con on the Roof and also Helicaopters land n this hotel otherwise very good hotel

الرجاء وضع لوحات ارشاديه للموقع بكثره وخصوصا عند مفترق الطرق

اللهم ارنا في الرافضة عجائب قدرتك. اللهم ان كذبهم و افترائهم على خير من اصطفيت بعد انبيائك و رسلك لا يرضينا

اللهم احسن خاتمتنا يا رب

I will be there this coming 24th of July 2011. Hope the hotel is good.

Best Place in the world.

Rombongan UMROH Darul Fataa-BTA menginap di sini 1 s.d. 4 Juni 2011